การแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน
วันที่ 20 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันอาสาสมัครรัฐธรรมนูญ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ให้ความสำคัญจัดงานเฉลิมฉลองเพื่อให้อาสาสมัครสาม ธารณสุข (อสม.) ทั่วประเทศได้มาพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์การทำงานร่วมกัน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสำคัญคือ การมอบรางวัลให้แก่ผู้ที่ได้คัดเลือกเป็น อสม. ดีเด่น ระดับชาติ
10 ปีที่ผ่านมา มีการคัดเลือกอาสาสมัครดีเด่นระดับชาติในเขตเมืองและชนบท สำหรับในปี 2547 คณะกรรมการได้มีมติให้มีการคัดเลือก อสม. ดีเด่นระดับชาติ 10 สาขาดังนี้
สาขาที่ 1 การควบคุมป้องกันไข้เลือดออก สาขาที่ 2 การดำเนินงานเรื่องเอดส์ชุมชน สาขาที่ 3 สุขภาพจิตชุมชน สาขาที่ 4 การแก้ไขปัญหายาเสพติด สาขาที่ 5 การสร้างสุขภาพ สาขาที่ 6 การบริการใน ศสมช. สาขาที่ 7 การออกกำลังกาย สาขาที่ 8 การคุ้มครองผู้บริโภค สาขาที่ 9 การแพทย์แผนไทย สาขาที่ 10 การพัฒนาสังคม
สำหรับผู้ที่ได้คัดเลือกเป็น อสม. ดีเด่น ระดับชาติ สาขาการแก้ไขปัญหายาเสพติด ในปี 2547 คือนาย
บ้าน หนองสร้อยติ่ง ตำบลหนองไม้แก่น มียาเสพติดระบาดตั้งแต่ปี 22541 ทำให้เกิดปัญหาลักขโมยในชุมชน มีการใช้ยาเสพติดเป็นรางวัลจูงใจในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ในฐานะผู้นำหมู่บ้าน คุณจำรัสได้พูดคุยกับกรรมการหมู่บ้าน อสม. อบต. และเจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นในการแก้ไขปัญหา โดยเน้นกิจกรรมการรณรงค์ให้ความรู้กับชุมชนและเยาวชนในโรงเรียน ใช้เวลา 22 ปี แต่ไม่มีประสบผลสำเร็จ
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ลุล่วง ต้องการให้หมู่บ้านมีความเป็นอยู่ที่ดี ประกอบกับในปี 2543 รัฐบาลได้ประกาศทำสงครามกับยาเสพติด โดยมีแนวทางดำเนินงานในชุมชน คือ เน้นชุมชนเข้มแข็ง คุณจำรัสจึงได้เป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ยั่งยืน โดยยึดหลักดังต่อไปนี้
1. ชุมชนเป็นเจ้าของปัญหาและแก้ไขปัญหาชุมชน โดยการพูดคุยกันถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและที่จะติดตามมาแก้ไขทบทวนวิธีปฏิบัติ ที่ผ่านมา มีจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไรบ้าง แสวงหาวิธีการต่าง ๆ ที่ได้ผลจากชุมชนอื่นๆ ร่วมกับใช้แนวทางของรัฐ ปรับให้เหมาะสมกับชุมชนบ้านหนองสร้อยติ่ง คัดสรรผู้นำตามธรรมชาติและคณะกรรมการเพื่อกำหนดแผนการแก้ไขปัญหา 2. จำแนกกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน การจำแนกกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้ชัดเจน ช่วยทำให้วิธีการแก้ไขได้เหมาะในแต่กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มปลอด ใช้การเสริมสร้างความดี ยกย่อง ชมเชย โดยมอบวุฒิบัตร / แจกธงประจำบ้าน กลุ่มเสี่ยง ป้องกันโดยรณรงค์ ให้ความรู้ ประสานกับโรงเรียนและครอบคร้วในการเฝ้าระวัง กลุ่มเสพ/กลุ่มติด ช่วยเหลือให้ หยุด – ลด –เลิก โดยส่งบำบัด จัดกิจกรรมในชุมชนสนับสนุนให้หยุดใช้ ควบคุมไม่ให้แหล่งจำหน่ายในหมู่บ้าน วางเงื่อนไขทั้งด้านบวกและลบ เช่น ไมาส่งชื่อให้ตำรวจ ให้โอกาสกลับตัวกลับใจ ถ้าไม่เลิกจะไม่ให้กู้เงินกองทุน ถ้าเลิกได้จะจัดให้อยู่กลุ่มปลอด ให้กู้ยืมเงินไปลงทุน กลุ่มผู้ค้า ช่วยเหลือให้ หยุด – ลด –เลิก โดยส่งบำบัด จัดกิจกรรมในชุมชนสนับสนุนให้หยุดใช้ ควบคุมไม่ให้แหล่งจำหน่ายในหมู่บ้าน วางเงื่อนไขทั้งด้านบวกและลบ เช่น ไมาส่งชื่อให้ตำรวจ ให้โอกาสกลับตัวกลับใจ ถ้าไม่เลิกจะไม่ให้กู้เงินกองทุน ถ้าเลิกได้จะจัดให้อยู่กลุ่มปลอด ให้กู้ยืมเงินไปลงทุน 3. ติดตามและเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง กลุ่มผู้เสพและค้า จำเป็นยิ่งที่จะต้องใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป นั่นคือมีงานประจำทำ มีการออกกำลังกาย ได้รับการยอมรับจากคนในชุมชน รู้สึกตนเองมีคุณค่าในหมู่บ้านหนองสร้อยติ่งชุมชนยอมรับและเปิดโอกาสให้กู เงินลงทุน ให้เข้าสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์หมู่บ้าน เป็นประธานกีฬาหมู่บ้าน ฯลฯ มีการเฝ้าระวังโดยประชุมคณะกรรมการหมู่บ้านที่รับผิดชอบแต่ละครอบครัวเป็น ประจำทุกสัปดาห์ เด็กนักเรียนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น หนีเรียนครูจะรายงานให้คณะกรรมการหมู่บ้านทราบ เพื่อจะได้ไปพูดคุยกับครอบครัว 4. สร้างกำแพงป้องกันชุมชนให้ปลอดยาเสพติด ใช้กลยุทธ์และรับ โดยสร้างเครือข่ายขยายรูปแบบและวิธีการแก้ไขปัญหายาเสพติดไปยังหมู่บ้านใกล้ เคียง เพื่อให้ปลอดยาเสพติดด้วยเช่นกัน และเป็นที่ศึกษาดูงานของชุมชนอื่น ๆ ตลอดจนหน่วยงานที่สนใจ
ที่มา :http://www.jvkk.go.th/jvkkfirst/story/general/35.htm
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น